1. โทรฯถึงเพื่อน
การคุยกับเพื่อนอาจช่วยให้คุณอารมณ์ดี การหัวเราะและปรับทุกข์กันจะช่วยลดระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมน
(Hormone) ที่ลดการสร้างภูมิคุ้มกัน
2. กินหัวหอมใหญ่และตับ
ตับอุดมด้วยสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ได้แก่ เซเลเนียม สังกะสี แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง กรดโฟลิก วิตามินบี6 และบี12
3. เล่นเกมคลายเครียด
การกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมความจำ การตัดสินใจ และการใช้ความคิดที่ซับซ้อนอาจทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดที่มีเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัสมีระดับสูงขึ้น
4. ตรวจสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน
เชื้อราที่มีพิษบนพรมในห้องอับชื้นและสารเคมีที่เป็นอันตรายในสีผสมตะกั่วอาจมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
5. เพศสัมพันธ์ช่วยได้
การมีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละหนึ่งถึงสองครั้งอาจช่วยกระตุ้นอิมมิวโนกรอบบูลินหรือแอนติบอดีในการต่อสู้กับเชื่อไวรัส
6. นอนหลับให้เพียงพอ
ร่างกายสามารถผลิตทีเซลล์มากขึ้นขณะนอนหลับ ถ้าคุณนอนไม่ถึงคืนละแปดชั่วโมงก็จะมีโอกาสป่วยง่ายขึ้น
7. กินอาหารให้ถูกส่วน
ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ และกินอาหารไม่ถูกหลักจะมีผลต่อเชื้อแบคทีเรียในลำใส้และทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง เชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งมีอยู่ในโยเกิร์ตหรือนมผงเพื่อสุขภาพอาจช่วยปรับความสมดุลนี้
8. ร่างกายต้องการธาตุเหล็ก
ร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กวันละไม่น้อยกว่า 45 มิลลิกรัมจากอาหารและอาหารเสริม แต่หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้เป็นมะเร็งและโรคหัวใจ
9. ดื่มน้ำและงดน้ำอัดลม
การดื่มน้ำทำให้เยื้อบุซึ่งทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคชุ่มชื้นและแข็งแรง ทั้งยังทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย
10. กินธัญพืช
ธัญพืชและขนมอบประกอบด้วยสารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาหารเส้นใยทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงซึ่งเกี่ยวข้องกับมะเร็งที่เกิดจากฮอร์โมนมีระดับลดลง
11. ดูหนังตลก
การหัวเราะช่วยกระตุ้นการทำงานของทีเซลล์และทำให้คอร์ติซอลซึ่งเป็นตัวกดภูมิคุ้มกันมีปริมาณลดลง
12. จัดงานเลี้ยง
ถ้าคุณดื่มแอลกอฮอล์ควรเลือกไวน์แดง แม้ว่าแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง แต่กลับพบว่าไวน์แดงอาจไม่มีผลดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่าไวน์แดงทำให้หัวใจแข็งแรงและเป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ซึ่งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
13. ไปเต้นรำ
การเต้นรำ 30 ถึง 60 นาที หรือออกกำลังด้วยการเดินเร็วทุกวัน จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและลดอัตราเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยลงเกือบครึ่ง การฟังดนตรีอาจช่วยให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นเนื่องจากทำให้ระดับอิมมิวโนกรอบบูลินสูงขึ้น
14. พัฒนาตนเองในเรื่องงาน
การปรับปรุงความสามารถในการทำงานและยอมรับความจริงในสิ่งที่ตัวเองทำได้อาจช่วยเพิ่มความพอใจและลดความเครียดในการทำงาน
15. หลีกเลี่ยงแสงแดด
แสงอัลตราไวโอเลตทั้งชนิดเอและบีอาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง เพราะทำให้ทีเซลล์และเซลล์ผิวหนังซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันมีจำนวนลดลง
16. เลือกกินอาหารทะเล
อาหารทะเลประกอบด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี เซเลเนียม ทองแดง และแมกนีเซียม ซึ่งทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น
17. นวดตัว
การนวดช่วยป้องกันการอุดตันของท่อน้ำเหลืองซึ่งเป็นระบบไหลเวียนของภูมิคุ้มกัน
18. นั่งสมาธิ
จะช่วยลดความเครียดและทำให้รู้สึกดีขึ้นขณะไม่สบาย ซึ่งควรทำเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ที่มา : Reader's Digest ฉบับสมาชิก 01/03
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น